ยินดีต้อนรับสู่ PLANB-TRADER แหล่งรวบรวมปัญญา บทความ ความรู้ จากแหล่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Money Management





เคยมีคำกล่าวว่าหากคุณมีระบบเทรดที่ดีมาก ๆ มีอัตราความแม่นยำสูงมาก ๆ เพียงใด แต่หากปราศจากการจัดการการเงิน หรือ มี Money Management ที่ดีแล้วนั้น พอร์ตคุณก็จะไม่สามารถเติบโต หรืออยู่รอดในตลาดได้แน่นอน คำกล่าวนี้มีความสำคัญอย่างมากครับ เพราะเรื่อง Money Management นี้เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนมักจะมองข้าม และทำให้เกิดการ Over Trade นั่นเอง วันนี้เลยขอแชร์บทความดี ๆ นี้ให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ฉุกคิดกันแล้วกันครับ ไปอ่านกันได้เลย เครดิตบทความอยู่ด้านล่างครับ ขอบคุณ

Money Management การสร้างMoney management แบบความเสี่ยงต่ำ

อะไรคือ Money Management?

Money Management คือการจัดการกับเงินในพอร์ตไว้เป็นสัดเป็นส่วน ซึ่งช่วยเราจัดการและแก้ปัญหาที่ จะเกิดขึ้นเกิดกับเงินในพอร์ตของเราได้ โดยทั่วไปแล้ว Money Management จะใช้คู่กับระบบที่เราสร้างหรือเงื่อนไขในการเข้าออกต่างๆเพื่อให้มีความ เสถียรมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วจุดดีของการสร้าง Money Management ขึ้นมาละ? แน่นอนว่ามีแน่นอน เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนอย่าง พวกเราหรือแม้กระทั่งรายใหญ่ประสบความสำเร็จในการเทรด งั้นก็แปลว่า  Money Management สำคัญล่ะซิ พูดได้คำเดียวว่า  “Absolutely”

ความสำคัญของ Money Management

เรา มาเข้าใจ Concept ของการสร้าง Money Management กันดีกว่า จุดประสงค์หลักๆของการสร้าง Money Management ก็คือการป้องกันความเสียหายที่เกิดจากจุดบอดของระบบเทรดเรา หรือแปลคำสั้นๆภาษาชาวบ้านว่า การแบ่งเงินที่สามารถเสียหายได้ โดยที่เราไม่ทุกข์ร้อนใจ ทำไมถึงสำคัญล่ะ เพราะว่าการที่เราไม่มีการจัดการเรื่อง การเงินในพอร์ตของเราที่ดีนั้นอาจนำพาหายนะมาสู่พอร์ตของนักลงทุน เปรียบเสมือนว่าไม่มีจุดยืน ไร้เป้าหมาย ไร้อนาคต เทรดไปวันๆ โดยไม่มีความฝัน อะไรประมาณนี้ และเมื่อเราไร้จุดหมายความฝันลมๆแล้งๆ ก็ยากจะเป็นจริง แต่ถ้าเราเตรียม Money Management มาดีแล้วมี Balance กับระบบเทรดของเราแล้วล่ะก็ ความฝันก็มีโอกาสเป็นจริงได้

เมื่อเรา เริ่มเข้าใจ Concept มันแล้ว เราจะมาดูกันว่ามันดีขนาดนั้นเลยหรือ สมมุติว่า สมชายมีเป้าหมายในชีวิตว่าอยากจะเป็น เจ้าแห่งการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเขาตั้งเป้าหมายว่าจะมีเงิน สิบล้านภายในสี่ปี และเลี้ยงดูตัวเองได้ เขาจะพยายามอัด Lot เยอะๆในส่วนที่เขามั่นใจ ส่วนอีกคน สมศรี แม่ค้าส้มตำอันดับหนึ่ง ตั้งเป้าว่าจะทำกำไรจากตลาดการเงินอย่างน้อย สิบล้านเหมือนสมชาย ภายในสี่ปี โดยตั้งเป้าว่าปีแรกจะทำกำไรให้ได้ 10%-20% แล้วค่อยๆเพิ่มเมื่อเริ่มอยู่ตัว เธอแบ่งสัดส่วนเงินในการลงทุนว่า เธอสามารถเสียเงินเพียงแค่ 10% ของ Balance แล้วจะใช้ Lot ตามจำนวนที่คิดไว้ซึ่งจะไม่ส่งผลกับพอร์ตมากนัก เราลองมาคิดดูว่าถ้าระบบการเทรดของทั้งสองคนคือ 85% เหมือนกัน ในระยะยาวใครจะเป็นผู้ที่ทำกำไรได้มากกว่ากัน นี้ถือว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวเพราะคนนึงพยายาม ทำกำไรเยอะๆ ส่วนอีกคนค่อยๆทำกำไรเท่าที่สามารถทำได้ คำตอบนั้นคงจะรู้อยู่แล้วนะครับว่าคือสมศรี แม่ค้าส้มตำผู้นี้เป็นผู้ที่ทำกำไรได้มากกว่าในระยะยาว เหตุผลคือระบบไม่มีทางที่จะชนะได้ 100% เพราะหลายๆปัจจัย  ถ้าสมชายยังคงอัด Lot แบบ Maximum แล้วละก็ในระยะยาวเทรด 100 ครั้ง อย่างน้อยโดนแค่ครั้งเดียว อาจถึงกับหมดพอรต์เลยก็ได้ เพราะเขาไม่รู้จักความพอดีและพอใจ แล้วทำไมระบบของสมศรีถึงป้องกันความเสี่ยง?

ทำไม Money Management มันจึงป้องกันความเสี่ยง?

จาก ที่กล่าวข้างต้นระบบของสมศรีเป็นระบบที่ค่อนข้างปลอดภัยในระยะยาวเพราะต่อ ให้ขาดทุนสิบครั้งต่อกันเงินก็ไม่มีวันหมดสมมุติว่าสมศรีมีเงินทุน 1000 $ เสียไป10% เท่ากับ 100$ ทำให้เงินทุนเหลือ 900$ สมศรีมุ่งมั่นมากเทรดครั้งที่สองก็ขาดทุนไป อีก 10 percent เท่ากับว่าขาดทุน 90$ แต่อย่างไรก็ตาม ระบบของสมศรีเป็นแค่ระบบสมมุติขึ้นมา ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องปรับให้เข้ากับระบบการเทรดของตัวนักลงทุนเองด้วย แล้วมันจะได้ผลในระยะยาวจริงหรอ?

Money Management ช่วยทำให้ได้กำไรเรื่อยๆในระยะยาวจริงหรอ?

ถ้า ระบบเทรดเราดีพอที่จะมีโอกาสสูงกว่าแพ้ บวกกับ Money Management ที่ดีมันก็จะส่งผลไปในทางที่ดีด้วยเช่นกัน ลองมาคิดดูกันดีกว่า สมมุติมีเงินทุน 100 บาท ยอมเสียสูงสุดได้แค่ 10 บาทเท่านั้นในแต่ละครั้ง แล้วระบบเทรดเรามีโอกาสชนะ 70 Percent แปลว่าเทรด 100 ครั้ง ได้ 70 ครั้ง สมมุติเงื่อนไขเราคือทำกำไรแบบ 1:1 หมายถึงว่าเรายอมขาดทุน 10 บาทแต่ยอมทำกำไรแค่เพียง 10บาทด้วย คิดตามนะครับ ถ้าเราเทรด 100ครั้ง จริงๆ เราจะได้กำไร 700 บาท จากการเทรด 100 ครั้ง และขาดทุน 300 บาท จากการเทรด 100ครั้ง สรุปว่าเทรด 100 ครั้งเรา จะได้เงิน400 บาทโดยประมาณ แล้วถ้าเราเทรด 1000ครั้งละ ก็จะเท่ากับกำไร 4000บาทนั่นเอง

วิธีการทำ Money Management ที่มีความเสี่ยงน้อย

ข้อหนึ่ง เราต้องดูระบบเราว่ามีความเสี่ยงมากเท่าไร อาจจะย้อนกลับไปดู Back Test ก็ได้ถ้าระบบความเสี่ยงประมาณ 40 percent แนะนำว่าทำระบบให้เหลือความเสี่ยงที่จะขาดทุนเพียงแค่ 20% ให้ได้ก่อน อาจจะลองเทสกับ ระบบDEMO ซักครึ่งปี

ข้อสอง เราต้องดูว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนเพราะแต่ละคนมีจุดรับความ เสี่ยงไม่เท่ากัน บางคนเสีย 10%ก็ใจเต้นละ แล้วอาจจะกระทบถึงจิตใจในตอนหลังอีกด้วย ถ้ารู้ตัวว่ารับไม่ได้ก็ลดลงมาเหลือ 5% ก็จะทำให้ใจนิ่งสงบลงได้

ข้อที่สาม นำระบบและ Money Management ไปBack Test ดูว่ามันสามารถทำได้จริงหรือป่าว

ข้อสี่ กำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะใหญ่ เพื่อให้มีแรงผลักดันไปถึงจุดหมาย ข้อควรระวังอย่าพยายามตั้งเป้าหมายสูงจนเกินไปจนทำให้ตัวเองลำบาก เพราะจะมีผลในการเทรดระยะยาว และการตัดสินใจ สมมุติว่า เราต้องการทำกำไรให้ถึงจุดตรงนี้ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน พอจะปิดเดือนยังทำตามเป้าหมายไม่ได้ อาจจะเกิดการ Over Trade  เกิดขึ้นได้ คำแนะนำคือควรตั้งเป้าหมาย Minimum และ Maximum ทำเป็น Normal Case และ Best Case.

ข้อห้า ตั้งจำนวนLot ที่แน่นอนที่สามารถเปิดค้างทิ้งไว้ได้เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการ Over Trade ในอนาคต
จุดประสงค์สำคัญหลัก
เพื่อการทำกำไรอย่างต่อเนื่องโดยและมีวินัยและจะสะท้อนผลลัพธ์ที่ดีออกมาในอนาคต

credit: https://www.facebook.com/ForexInvestmentThailand

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

กุญแจสู่สุดยอดเทรดเดอร์


 ตลาดช่วงนี้ค่อนข้างเลวร้ายหน่อย หลายต่อหลายคนคงเจอภาวะโลกหมุนเหมือนโดนต่อย ต้องยอมรับที่ผ่านมาตลาดผันผวนมาก ขาดทุนมากน้อยแล้วแต่การเทรดของแต่ละคน อารมณ์ช่วงนี้หากใครกำลังน้อยใจ กำลังเสียใจ อยากบอกไว้เลยว่าเส้นทางการเป็นเทรดเดอร์นั้นมันไม่ได้หอมหวาน ต้องยอมรับเรื่องการขาดทุนให้เป็นตลอดเส้นทางจะต้องเจอขาดทุนอยู่ทุกครั้งไป เปรียบเสมือนเงาตามตัว มีกำไร มีขาดทุน แต่ที่สำคัญ "ขาดทุนได้ แต่ที่สำคัญอย่าขาดกำลังใจ" ผมไปเจอบทความดี ๆ มาเลยขออนุญาติแชร์ครับ เครดิตด้านล่างเลย ลองอ่านกันดูเผื่อจะมีกำลังใจอะไรบ้าง

เราอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวมาบ้างว่า ในการลงทุนนั้นไม่จำเป็นที่ เราจะต้องมีความแม่นยำ แล้วเราจะได้กำไร แต่หัวใจของการลงทุนกลับอยู่ที่ทักษะในการบริหารเงินทุน

    การบริหารเงินนั้นถูกจัดว่าเป็นศาสตร์สุดยอดในการเทรด จนเคยมีคำกล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเป็นสุดยอดเทรดเดอร์ นั้นขึ้นอยู่กับ..........

1 ระบบหรือเทคนิค ที่เราใช้ในการเทรดเพียง 10%

2 ศาสตร์ของการบริหารเงิน 30%

3 ระเบียบวินัยในการลงทุนถึง 60%

 แม้ แต่นักพนันมืออาชีพ ที่สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ก็ล้วนใช้กลยุทธ์ในการบริหารหน้าตักทั้งสิ้น เคยมีศาสตราจารย์ดอกเตอร์ทางคณิตศาสตร์ท่านหนึ่ง ใช้วิธีการของศาสตร์นี้ในการทดลองไปเสี่ยงโชคในคาสิโน ผลลัพธ์ออกมาน่าประหลาดใจมาก พบว่าศาสตร์ท่านเดิมได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดังกล่าวเพื่อจะนำมาใช้ในตลาดหุ้น ค่าเงินและออปชั่น ก็พบว่าผลลัพธ์นั้นไม่แตกต่างกันเลย จากเรื่องราวดังกล่าวที่ยกมานี้ ทำให้เราพอจะเชื่อได้ว่า เรื่องของการบริการนั้นมีความสำคัญอย่างมากและมากที่สุดเมื่อเราคิดจะลงทุน



    ต่อไปนี้จะเป็นสถานการณ์สมมติ ที่จะทำให้ท่านเห็นภาพของผลลัพธ์ต่างๆ ที่อาจเกิดจากการลงทุน

ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง

         กำไร 7 ครั้ง ครั้งละ 10 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด  70 บาท

         ขาดทุน 3 ครั้ง ครั้งละ 10 บาท = เราขาดทุน 30 บาท

สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 40 บาท



ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง

         กำไร 5 ครั้ง ครั้งละ 10 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด  50 บาท

         ขาดทุน 5 ครั้ง ครั้งละ 5 บาท = เราขาดทุน 25 บาท

สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 25 บาท



ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง

         กำไร 3 ครั้ง ครั้งละ 15 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด  45 บาท

         ขาดทุน 5 ครั้ง ครั้งละ 5 บาท = เราขาดทุน 25 บาท

สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 20 บาท





ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง

         กำไร 8 ครั้ง ครั้งละ 5 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด  40 บาท

         ขาดทุน 2 ครั้ง ครั้งละ 20 บาท = เราขาดทุน 40 บาท

สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 0 บาท



สังเกต ได้ว่า เรื่องบริหารการขาดทุน/กำไรนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ จากตัวอย่างทั้งหมด พอสรุปประเด็นสำคัญ สำหรับ การเทรดดังต่อไปนี้

    1 Win/Loss Ratio

คือ การเทรด 100 ครั้ง เราชนะกี่ครั้ง เราแพ้กี่ครั้ง เรื่องนี้สำคัญมากๆ โดยทั้วไประบบที่ชนะบ่อยๆ ถ้าเทียบกับนักมวย คือมวยสายตาดีออกหมัดได้อย่างแม่นยำเข้าเป้า แต่เรายังไม่ได้พูดถึงความแรงของหมัดนั้น



    2 Reward/Risk

คือ ในการเทรดแต่ละครั้ง เราต้องการจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ หากการเทรดครั้งนั้นประสบความสำเร็จ และในทางกลับกัน เราจะต้องคำนึงด้วยว่าจะต้องขาดทุนเท่าไหร่ หาดการเทรดครั้งนั้นมีความผิดพลาดเกิดขึ้น สถานการณ์เปลี่ยน ไม่ไปตามที่เราคาดการณ์

เมื่อหมัดเข้าเป้าหม่าย Reward

- การคาดหวังผลตอบแทนน้อย เหมือนการปล่อยหมัดแย๊บออกไป เก็บคะแนน

- การคาดหวังผลตอบแทนสูงๆ เหมือนกับการปล่อยหมัดที่หนักเพื่อหวังน๊อคคู่ต่อสู้ลงไปเลย

เมื่อหมัดไม่เข้าเป้า เราโดนสวนกลับ Risk

-การตั้งจุดตัดขาดทุน (Cut Loss) น้อยๆ = การตั้งการ์ดแบบรัดกุม คู้ต่อสู้ก็จะรู้สึกต่อยเข้ามาหาเราได้อย่างลำบาก

-การที่เราตั้งจุดตัดขาดทุน (Cut Loss) มากหน่อย = เหมือนการคลายการ์ด ตั้งแบบหลวมๆ แบบนี้ก็อาจโดนหมัดสวนเข้ามาได้

-การไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน(Cut Loss) เลย = เท่ากับเราไม่มีการตั้งการ์ดเลย อาจโดนต่อยร่วงลงไปนับไม่ก็น๊อคไปเลย



3.ผสมผสาน เพื่อความสำเร็จ

-การ ที่เราคาดหวังผลกำไรน้อย ๆ แต่มีความแม่นยำสูง "สมรักษ์ คำสิงห์" ที่หมัดไม่หนักแต่ก็ต่อยเข้าเป้าอย่างต่อเนื่อง ค่อย ๆ เก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ เทรดเดอร์แนวนี้จะเน้นความแม่นยำในการเทรดสูง โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องปล่อยหมัดหนักเข้าใส่คู่ต่อสู้ อาศัยเพียงแค่ชั้นเชิงในการหลบหลีก

แล้วต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ ก็สามารถจะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้

-การ ที่เราคาดหวังผลกำไรมาก ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องแม่นยำมาก "เขาทราย กาแลคซี่" ไม่จำเป็นต้องต่อยมาก แต่พอต่อยโดนคู่ต่อสู้ก็ออกอาการทันที เหมือนเทรดเดอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีความแม่นยำในการเทรดสูงมากนัก แต่เมื่อเทรดได้กำไร ... ก็เอากำไรครั้งละมาก ๆ เปรียบเสมือน Let Profit Run คือเมื่อได้กำไร ก็ปล่อยให้กำไรวิ่งไปเรื่อย ๆ

-กำไรมาก ๆ และเทรดแม่นยำ "แมนนี่ ปาเกียว" ทั้งต่อยคม แม่นยำ และหนักหน่วงระบบการเทรดแบบนี้แทบจะเป็นอุดมคติเลยก็ว่าได้

ไม่ ว่าเราจะเป็นเทรดเดอร์แบบใดก็ตาม เราก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ แต่เราต้องเข้าใจลักษณะระบบการเทรดของเรา และเรื่อง Reward/Risk ให้ดี เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าสถานการณ์ใดที่เราควรเข้าเทรดหรือควร หลีกเลี่ยง   ขอบคุณเป็นอย่างสูง  The Secret สู่พลังแห่งการเทรด

Credit : Duthy Thaiforexschool
Website : Thaiforexschool.com 

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Sniper Trading บททดสอบ Skill Trader

วันนี้ ได้มีโอกาสเจอแบบทดสอบ Skill ของ Trader จากพี่ Mudley Group จึงขออนุญาตนำบทความนี้มาแชร์และเก็บเป็นคลังความรู้การลงทุนของผมครับ

 การฝึก Sniper Trading แบบถูกหลักการของเฮดจ์ฟัน

เนื่องจากน้องๆหลายคนถามมานานแระ และ บางคนอาจไม่มีโอกาสไปถามพี่ๆเทรดเดอร์ Mudley บางคน วันนี้พี่จะสรุปหลักการเทรนให้นะครับ

วันนี้พี่จะสอนการเทรนของเฮดจ์ฟันสำหรับเทรดเดอร์แบบ Multi product ให้นะครับ

1. ขั้นแรกให้น้องเลือก product ที่คิดว่าตัวเองชอบหรือถนัดที่สุดมาก่อน 1 product เช่น น้ำมัน ทอง index อะไรก็ว่าไป

2. สร้างตาราง Time Table รายชม. (มาดัง ภาพตัวอย่าง)

3. เมือน้องเริ่มเทรดหรือมี Entry signal ให้ mark เวลาไว้ในกระดาษทดของเรา เช่น มีสัญญาณเข้าเวลา 9.35 หาก exit signal แล้วน้องกำไร ให้ใส่ช่อง win 1 ในช่วงเวลาที่น้องกำไร ยกตัวอย่างเช่น น้องเข้าเวลา 9.35 ออกเวลา 9.50 กำไร $2 ให้ใส่ตัวเลข $2 ในช่อง Win 1 ของ ช่วงเวลา 9.00-10.00 แต่ถ้าหากน้อง exit แล้วขาดทุน ให้ใส่ตัวเลขขาดทุนแล้ว mark penalty ไว้ว่าขาดทุนเท่าไร โดยครั้งหน้่าน้องจะห้ามเทรดในช่วงเวลา 9.00 - 10.00 เป็นต้น หากโดนแบนครบ 24 ชม ให้พิจารณาเทคนิค sniper ของตัวเองใหม่ แสดงว่า เลเวลการเทรดยังไม่ถึงขั้น

4. หากถือเกิน 1 ช่วงเวลา เช่น 9.35 ไปออกตอน 11.50 ก็เท่ากับว่าน้อง holding period จำนวน 3 ช่วงคือ 9.00- 10.00 , 10.00-11.00 และ 11.00 - 12 .00 ดังนั้นหากน้องกำไร เช่น $6 ให้หารด้วยจำนวนช่วงเวลา 3 ช่วง แล้วใส่ในช่อง win 1 ของแต่ล่ะช่วง ก้คือ $2 แต่ถ้าขาดทุนก้ให้แบนเวลา 3 ช่วงนั้นเช่นกันโดยเอาขาดทุนมาหารช่วงเวลา

5. การปลดล็อคเวลาที่โดนแบน น้องต้องทำกำไรในช่วงอื่นมา cover จำนวนที่ขาดทุนให้ได้แล้วถึงจะปลดล็อคการแบนในช่วงนั้นๆได้

6. ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ win 10 หากเวลาไหนครบ win 10 แล้ว ให้ข้ามไปเทรดเลเวล 2 ได้ โดยการเลือก product ใหม่ แล้วทำแบบเดียวกัน โดย product ใหม่นั้น น้องจะเทรดได้แค่ช่วงเวลาที่ win ครบ 10 แล้วเท่านั้น แต่หากขาดทุน ให้เอาตัวขาดทุนไปลบกำไรในช่วง win 10 ที่เราเคยทำได้ แล้วกลับมาเล่นเลเวลเดิม เป้นต้นครับ 
ปล.
1.อ๋อ ครับ แล้วอย่างงี้เราจะเอา win ของช่วงเวลาอื่นมาเพิ่ม win ให้ช่วงเวลาที่มี win เยอะกว่าได้มั๊ยครับ อย่างเช่น สมมติว่าช่วง 8.00-9.00 ผมมีอยู่ 9win และ 9.00-10.00 ผมมี 1win ผมจะเอา 1win ของ 9.00-10.00 ไปเพิ่มให้ 8.00-9.00 เป็น 10win ได้มั๊ยครับ ^^
ตอบ ไม่ได้ครับ ต้อง win ช่วงนั้นอย่างเดียวครับ เอาเวลา win ช่วงอื่นไม่ได้ครับ
2.สงสัยข้อ 5 ครับ ถ้าเราเอากำไรที่ได้ในช่วงเวลาอื่นมาปลดล็อกเราก็ไม่ต้องลงกำไรใน Win ของช่วงเวลาที่เอามาปลดล็อกใช่ม่ะครับ
ตอบ ถูกต้องครับน้อง ^ ^   
---------------------------
ขอขอบคุณบทความดี ๆ ที่มีความรู้จาก
Mudley Group
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=448251388567555&set=a.314692235256805.74563.126836487375715&type=1&relevant_count=1&ref=nf






 

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กุญแจ 4 ดอกของนักเก็งกำไร


กุญแจ 4 ดอกที่เทรดเดอร์ควรมี และต้องใส่ใจมาก ๆ ด้วย เพราะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้
ประสบความสำเร็จในระยะยาว

1. รักษาเงินต้น
ถ้า รด. รักชาติยิ่่งชีพ เทรดเดอร์หรือนักเก็งกำไร นอกจากรักชาติแลัว ยังต้องรักษาต้นทุนให้ดีด้วย อย่าไปคิดว่าเงินหามาง่ายหมดไปไม่เป็นไร คิดแบบนั้นไม่มีวันที่จะรวย  ควรรู้จักรักษาเงินต้น ถนอมกระสุน เสี่ยงแบบจำกัด ถ้าจะให้ดีใช้กฏ 2% rule ของเงินต้น เพื่อจำกัด ความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง

2. มีระบบ
เทรดเป็นระบบ เข้าออกตามสัญญาณ ผิดทางตัดขาดทุน เมื่อมีกำไรก็ let's profit run

3. มีวินัย 
ยึดมั่นตามแผน ตามระบบเทรด เพื่อเอาชนะจิตใจ ไม่ให้หวั่นไหวไปตามสภาวะตลาด ตามข่าว ตามมวลชน จงอย่าใช้อารมณ์ นำความคิดและการตัดสินใจ

4. อ่อนน้อมถ่อมตน
จง อย่าคิดว่าตัวเองฉลาด เก่งกว่าคนอื่นๆ ควรหมั่นเรียนรู้จากความผิดพลาด ทำตัวให้เหมือนแก้วที่พร่องน้ำ พร้อมรับความรู้ ใหม่ๆตลอดเวลา อย่าปิดกั้นตัวเองกับความเชื่อ หรือความคิดแบบเดิมๆ มีโอกาสควรเสวนากับผู้รู้จริง อ่านหนังสือ หรือบมความ เพื่ออัพเกดมุมมองและเทคนิคใหม่ๆ 

กุญแจ 4 ดอกนี้เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ครอบคลุมทั้งเรื่อง กลยุทธ การบริหารเงิน และจิตวิทยาการลงทุน ฟังดูเหมือนจะง่ายๆ แต่รับรองว่าถ้าปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่องอนาคต รับรองว่าท่านจะเอาตัวรอด อยู่ทำกำไรในตลาดหุ้นได้นาน พอร์ตเติบโต ไม่ล้มหายตายจาก หรือเน่าตายบนยอดดอยไปเสียก่อนแน่นอนครับ
 Credit :
บทความดี ๆ จาก
http://www.cway-investment.com/2012/11/4.html

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

POKER สำหรับการลงทุน


 สำหรับหัวข้อนี้ไม่ได้ชี้ชวนให้เล่นการพนันแต่อย่างใดนะครับ แต่เนื่องด้วยบทความนี้ สำหรับผู้ที่เป็นนักลงทุน หรือนักเก็งกำไร มักรู้อยู่แล้วว่า การเล่น Poker นั้นเป็นที่นิยมมากสำหรับคอนักเก็งกำไร เพราะมันมีวิธีการเล่นที่ไม่ได้พึ่งดวงล้วน ๆ เหมือนอย่างบางเกมส์ แต่การเล่น Poker นั้นต้องใช้กี๋น ใช้ระเบียบวินัย (System) ใช้การบริหารจัดการเงิน (Money Management) และมีจิตวิทยาในการควบคุมตนเองอย่างมาก สำหรับผมแล้ว ในช่วงเวลาว่าง ๆ เช่น ตลาดปิด หรือ ไม่มีแนวโน้มสัญญาณในการเทรด ก็จะมานั่งเล่น Poker แต่เล่น Free Online บน Facebook เพราะมันช่วยได้มากเลยทีเดียว  

สำหรับใครที่กำลังลุยเทรดในตลาดต่าง ๆ กันอยู่แนะนำให้หันมาเล่น Poker โดยเน้นวิธีการเล่นแบบมีระบบ ใช้ Money Management และมีจิตวิทยาในการเล่น นะครับ มันจะทำให้ทักษะการตัดสินใจ และวิเคราะห์เกมส์การลงทุนนี้ดีขึ้นทีเดียว ลองอ่านบทความต่อไปนี้นะครับ ^^

----------------------------------------------------------------------

การลงทุน มอง * บางมุม * ก็เหมือนการเล่น Poker

ลักษณะการเล่น Poker ที่พบบ่อย (อาจมีลักษณะอื่นๆ อีกแต่ไม่ขอพูดถึง) จะมี 2 แบบ

1. พวกที่ชอบเทหมดหน้าตักเป็นประจำ ซึ่งให้ผลคือ เมื่อได้ก็ได้มาก และเมื่อเสียก็เสียมาก หรือกระทั่งหมดตัว (ชิปหมด)


2. พวกที่เลือกหมอบบ่อยๆ เมื่อไม่มั่นใจ และจัดหนักเมื่อพบโอกาสทอง

จากการติดตามดู Wealth (ในเกมส์) ของผู้เล่น Poker หลายๆ คน (ซึ่งผม Add ไว้ดูสถิติ) เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยเกมส์ พบว่า

1. พวกแรก ถ้าไม่หมดตัวคาเกมส์ ก็มี Wealth เพิ่มขึ้นไม่มาก เช่น ตอนเจอกันครั้งแรก มีหลักพัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยเกมส์ ก็ยังมีแค่หลักพันหรือหมื่นต้นๆ และพวกนี้ อัตราการชนะจะสูงเช่น 1/4 หรือ 1/3 เพราะกล้าเทสู้ (ซึ่งครั้งที่เสีย คือ 3/4 หรือ 2/3 นี่เสียหนัก)

2. พวกสอง Wealth เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากหมื่น เป็นแสน หรือล้าน แต่อัตราการชนะจะต่ำ เช่น 1/5 หรือ 1/6 แม้กระทั่ง 1/7 เพราะหมอบบ่อย ซึ่งครั้งที่ไม่ชนะ คือ 4/5 หรือ 5/6 ไม่เสียอะไรเลย หรือเสียน้อยมาก เป็นค่า Small blind/big blind เท่านั้น แต่ครั้งที่ชนะ ก็จะได้กินคำโต

จากข้อมูลข้างต้น ผมสรุป "เอาเอง" ว่า

1. การเล่น (และลงทุน) อย่างไร้ระบบ เอามันส์เข้าว่า ทุ่มสุดตัวแบบไม่คำนวณโอกาส จะได้รับแต่ความสนุกเท่านั้น ซึ่งใครอยากได้แึค่นี้ ไม่ต้องการความมั่นคงและเติบโต ก็คงไม่เป็นไร

2. การเล่น (และลงทุน) อย่างมีระบบ เลือกเสี่ยงอย่างมีการคำนวณ (Calculated-Risk) และรู้จักหมอบเมื่อไม่แน่ใจ จะช่วยให้ Wealth (ทั้งในเกมส์และในโลกความเป็นจริง) เติบโตได้อย่างมั่นคง และต่อเนื่อง

ปล. การเล่น Poker ในเกมส์ และการลงทุนในโลกความจริง อาจมีความแตกต่างที่สำคัญคือ "ระดับความตั้งใจ" จึงต้องออกตัวไว้ก่อนว่า บางท่านอาจช่ำชองการลงทุนในโลกความเป็นจริง แต่อาจเล่น Poker เพื่อสนุกอย่างเดียวก็เป็นได้
 
 
 ขอขอบคุณบทความดี ๆ

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

มุ่งมั่น พยายาม และฝ่าฟัน

วันนี้ผมมาอัพเดท ผลการเทรดบัญชี  Demo วันที่ 27 - 31 สิงหาคม 2555
สัปดาห์ สุดท้ายของเดือนพอดี ผมพยายามทำสถิติของ Trading System ที่ผมใช้อยู่ รวมถึง Money Management ด้วย จะพยายามเอาผลงานทุกสัปดาห์ที่เทรดได้ตามตารางการเทรดของผมในทุก ๆ วันเพื่อให้มีผลใกล้เคียงที่สุด ถ้าจะคิดมาเป็น Full Time Trader ในอนาคต ---- หวังว่าถ้าผลงานยังดีและมีแนวโน้มว่าสามารถไปต่อในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนแห่ง นี้ได้ ผมคิดว่ามันเป็นช่องทางที่ผม มุ่งมั่น พยายาม และฝ่าฟัน ทุกอุปสรรค ไปให้สำเร็จได้แน่นอน



"ผมเทรดช่วงเวลาที่ตลาดโซนที่คู่เงินที่เทรดเปิดเท่านั้น 
และพยายามเล่นตามแนวโน้มที่ชัดเจน" 





"เริ่มมองเห็นแสงสว่าง ทางเลือกแล้ว ที่เหลือแค่ มุ่งมั่น พยายาม และฝ่าฟัน"

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 เรื่องที่ควรมีในการเทรด


10 เรื่องที่ควรมีในการเทรด (เช็คกันดูว่ามีกันทุกข้อหรือยัง)

1. เรียนรู้พื้นฐาน   
นักเทรดหน้าใหม่ ๆ มักมองข้ามการเรียนรู้พื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด บางคนเข้าสนามจริงโดยยังตีเส้น  Trend Line ไม่เป็นเลยก็มี การมีความรู้พื้นฐานเท่ากับเรามีเกราะป้องกันชั้นเยี่ยมที่จะสร้างความมั่นใจในการเทรดทุกครั้ง ไม่ใช่เข้าตลาดไปแล้วเดามั่ว ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น หากไม่มีพื้นฐานพอร์ตคุณจะพังตั้งแต่ก่อนเข้าตลาดเสียอีกนะ  หากคุณเป็นมือใหม่ จงจำไว้ว่าพื้นฐานการเทรดสำคัญที่สุด

2. ประสบการณ์    
เทรดเดอร์ทั้งหลายเข้ามาในตลาด พร้อมกับเครื่องมือ และระบบของตนเองด้วยความมั่นใจว่าจะสร้างกำไร รายได้กลับไปอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่แล้วเมื่อคุณเจอการขาดทุนคุณก็เลิกไป และคิดว่าระบบที่มีอยู่มันไม่ดี แต่หารู้ไหมว่าการขาดทุนเป็นเรื่องปกติในการลงทุน เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ขาดทุนน้อยกว่ากำไรที่ได้ ตรงนี้ต้องใช้ประสบการณ์ในตลาด อยู่ในตลาดพอสมควร ยิ่งคุณมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ คุณก็จะเทรดได้ดียิ่งขึ้น คุณจะเริ่มสังเกตตัวเองได้ว่า ณ ตอนนี้คุณเทรดได้ดีกว่าตอนแรกที่เข้าตลาดมาอย่างมาก เพราะงั้นลืมได้เลยว่าคุณจะเก่งและรวยภายใน 1-2 เดือน แต่ประสบการณ์ที่มากมายจะทำให้คุณรวยได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน

3. ความเชื่อ    
บางครั้งคุณพยายามหาความง่ายให้กับการเทรดของคุณ โดยการถามคนอื่น เทรดตามคนอื่น ทำตามคนอื่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา นั่นเท่ากับว่าคุณเดินทางโดยปราศจากเข็มทิศแล้วสุดท้ายคุณก็จะหลงทางติดอยู่ในวังวลแห่งความล้มเหลวตลอดไป ในฐานะที่ตั้งใจเป็นเทรดเดอร์ คุณจำเป็นต้องมีวิธีการ ขั้นตอนการวิเคราะห์ และสามารถวิเคราะห์ด้วยตัวคุณเอง นั่นคือการเชื่อข้อมูลจากตัวคุณเอง ข้อดีของมันคือ คุณจะมีความเชื่อมั่นในตนเอง และ เรียนรู้สิ่งที่ถูก และผิดพลาดด้วยตัวคุณเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในอนาคตต่อไป ที่สำคัญวันนี้คุณเชื่อตัวคุณเองแล้วหรือยัง? อิอิ

4. Demo ช่วยคุณได้    
 ช้าก่อนอย่าเพิ่งรีบกระโจนเข้าตลาดพร้อมความคิดที่ว่าจะทำกำไรก้อนโต มันไม่ง่ายอย่างนั้นสำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ แนะนำให้ลองเล่นเดโมกันก่อน ทดสอบจิตใจตัวเองกันก่อน แต่ต้องตั้งใจนะคิดซะว่าเงินในเดโมที่ให้มาคือเงินคุณจริง ๆ คุณมีหน้าที่ทำให้มันงอกเงยมีกำไร หากคุณสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง และประคองเงินทุนคุณได้ซัก 3 – 6 เดือนหละก็ค่อยลองเปิดบัญชีจริง เงินจริงดู เพราะอารมณ์มันจะคนละเรื่องกันเลย เงินจริง ได้จริง เสียจริง ดีใจจริง เจ็บปวดจริง เพราะฉะนั้นตั้งใจเล่นเดโมโดยใส่อารมณ์ว่ามันคือเงินคุณจริง ๆ ซะก่อน  อยู่ให้รอดก่อน แล้วค่อยทำกำไร

5. พยายามแก้ปัญหาการขาดทุนติดต่อกัน     
หากอยากประสบความสำเร็จในการเทรดต้องแก้จุดนี้ให้ได้ บางครั้งคุณเกิดการขาดทุนติดต่อกัน 3 ครั้งติด ๆ กัน ให้พยายามอยู่ห่าง ๆ จากหน้าจอเทรด ปิดไปเลยยิ่งดี รอให้สติคุณพร้อม สมองที่โล่ง จิตใจที่ปลอดโปร่ง แล้วค่อยกลับมาเทรดอีกครั้ง เพราะการเทรดเสียติดต่อกันหลาย ๆ ครั้งอาจทำให้เกิดการเทรดเสียครั้งยิ่งใหญ่จากอารมณ์ที่อยากจะเอาคืน ตาคุณจะมืดบอด ลืมพื้นฐาน ลืมระบบที่มีอยู่ทั้งหมด หวังแค่ต้องการทำให้ที่ขาดทุนไปกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยการ Over Trade  แต่สุดท้ายแล้วไม่มีซักคนที่จะรอดจากการออกนอกแผนที่วางไว้  เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดการขาดทุนติด ๆ กันออกไปดูหนัง ไปอ่านหนังสือ ไปทำอะไรที่คุณอยากทำ รอให้คุณพร้อมแล้วคุณค่อยกลับมาเอาคืนอย่างมีสติดีกว่า

6. ยึดมั่นในระบบของตนเอง     
จงจำไว้เลยว่าบนโลกเล็ก ๆ ใบนี้ ไม่มีระบบเทรด หรือวิธีการใด ๆ ที่จะสามารถทำกำไรให้กับคุณได้ 100% โดยไม่มีขาดทุน ทำใจซะเถอะเพราะว่ายังไงคุณก็จะต้องเจอกับการขาดทุนเข้าสักวันในเส้นทางสายนี้ เพราะงั้นถ้ายอมรับข้อนี้ไม่ได้ก็ไปหาอย่างอื่นทำเถอะ ในการเทรดทุกครั้งควรทำตามระบบที่คุณออกแบบมา และมั่นใจในระบบของคุณเอง บางเดือนอาจทำกำไรได้มากถึง 100% บางเดือนอาจทำได้ 60% บางเดือนอาจได้แค่ 30% ในแต่ละปีคุณอาจเจอช่วงที่แย่ ๆ ในการเทรดแต่จงอย่าสูญเสียศรัทธาในระบบ และวินัย  จงอย่าทิ้งระบบเทรดของคุณเองเมื่อช่วงเวลาที่แย่มาถึง

7. จงทำให้การเทรดของคุณง่ายซะ     
 การเทรดมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำให้ยุ่งยาก หรือซับซ้อน มีตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งถ้าคุณไปเจาะลึกวิธีการของเขาดี ๆ คุณจะรู้เลยว่าการเทรดของพวกเขาไม่มีอะไรยากเลย มี Indicator แค่ 2-3 ตัวเท่านั้น ในการช่วยตัดสินใจ เพราะข้อดีของการมีวิธีที่ง่ายคือ คุณจะตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น และทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

8. ยอมรับความผิดพลาด   
 ในบางครั้งการเทรดของคุณอาจส่งผลเสีย และมีความเสียหาย ทำให้กำลังใจของคุณลดลง อาจโทษความผิดให้กับ ระบบ ให้กับตลาด ให้กับโบรกเกอร์ บลา ๆ ๆ แต่แท้จริงแล้วคุณควรเปลี่ยนทัศนคติใหม่ให้โทษตัวคุณเอง ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ที่สำคัญวิเคราะห์ในสิ่งที่ผิดพลาดไป เพราะเหตุใดเราถึงผิดพลาด และอย่ากลับไปทำผิดซ้ำอีก แค่นี้ก็สามารถขจัดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้แล้ว

9. รู้จักยืดหยุ่นเพื่อความอยู่รอด    
สำหรับการเทรดในตลาด Forex นี้ซึ่งเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมาก และผันผวนได้ง่าย การรู้จักยืดหยุ่นการเทรดจึงมีความสำคัญมาก บางครั้งเราอาจวางจุดทำกำไรไว้แล้วโดยฟิกซ์ไว้ที่กี่จุดก็แล้วแต่บางครั้ง กราฟก็พุ่งขึ้นไปเกือบถึงเป้าหมายกำไรเห็น ๆ อยู่ตรงหน้า แต่แล้วกราฟก็ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเริ่มกลายเป็นติดลบและชนกับจุดตัดขาดทุนของคุณ สภาวะแบบนี้หลายคนเคยเจอมา เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แก้ไขง่าย ๆ คือเทรดให้มีความยืดหยุ่นอย่าไปฟิกกับเป้าหมาย แค่ยอมรับว่าราคากำลังจะเปลี่ยนทิศทางแล้วนะ ปิดออเดอร์ซะ  กำไรมาก กำไรน้อย มันก็คือกำไร ดีกว่าขาดทุน

10. เทรดด้วยความสุข 
 เมื่อคุณรู้สึกว่าการเทรดของคุณเป็นเรื่องสนุก ทำตามระบบได้กำไร มีขาดทุนบ้าง แต่เป็นการขาดทุนด้วยระบบของคุณเอง คุณจะไม่เสียใจเลย ที่สำคัญคุณเริ่มรู้สึกไม่เครียดกับการเทรด ถูกทางก็ปล่อยให้ไหลไปต่อ ผิดทางก็ปิด เทรดแล้วมีความสุข มีอิสระทางการเงิน เวลา ครอบครัว และท่องเที่ยว แค่นี้ก็สุขใจแล้ว เพราะนี่คือรางวัลแห่งความพยายามที่คุณสะสมและสร้างมันมา สมกับที่คุณรอคอย