วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556
กุญแจสู่สุดยอดเทรดเดอร์
ตลาดช่วงนี้ค่อนข้างเลวร้ายหน่อย หลายต่อหลายคนคงเจอภาวะโลกหมุนเหมือนโดนต่อย ต้องยอมรับที่ผ่านมาตลาดผันผวนมาก ขาดทุนมากน้อยแล้วแต่การเทรดของแต่ละคน อารมณ์ช่วงนี้หากใครกำลังน้อยใจ กำลังเสียใจ อยากบอกไว้เลยว่าเส้นทางการเป็นเทรดเดอร์นั้นมันไม่ได้หอมหวาน ต้องยอมรับเรื่องการขาดทุนให้เป็นตลอดเส้นทางจะต้องเจอขาดทุนอยู่ทุกครั้งไป เปรียบเสมือนเงาตามตัว มีกำไร มีขาดทุน แต่ที่สำคัญ "ขาดทุนได้ แต่ที่สำคัญอย่าขาดกำลังใจ" ผมไปเจอบทความดี ๆ มาเลยขออนุญาติแชร์ครับ เครดิตด้านล่างเลย ลองอ่านกันดูเผื่อจะมีกำลังใจอะไรบ้าง
เราอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวมาบ้างว่า ในการลงทุนนั้นไม่จำเป็นที่ เราจะต้องมีความแม่นยำ แล้วเราจะได้กำไร แต่หัวใจของการลงทุนกลับอยู่ที่ทักษะในการบริหารเงินทุน
การบริหารเงินนั้นถูกจัดว่าเป็นศาสตร์สุดยอดในการเทรด จนเคยมีคำกล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเป็นสุดยอดเทรดเดอร์ นั้นขึ้นอยู่กับ..........
1 ระบบหรือเทคนิค ที่เราใช้ในการเทรดเพียง 10%
2 ศาสตร์ของการบริหารเงิน 30%
3 ระเบียบวินัยในการลงทุนถึง 60%
แม้ แต่นักพนันมืออาชีพ ที่สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ก็ล้วนใช้กลยุทธ์ในการบริหารหน้าตักทั้งสิ้น เคยมีศาสตราจารย์ดอกเตอร์ทางคณิตศาสตร์ท่านหนึ่ง ใช้วิธีการของศาสตร์นี้ในการทดลองไปเสี่ยงโชคในคาสิโน ผลลัพธ์ออกมาน่าประหลาดใจมาก พบว่าศาสตร์ท่านเดิมได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดังกล่าวเพื่อจะนำมาใช้ในตลาดหุ้น ค่าเงินและออปชั่น ก็พบว่าผลลัพธ์นั้นไม่แตกต่างกันเลย จากเรื่องราวดังกล่าวที่ยกมานี้ ทำให้เราพอจะเชื่อได้ว่า เรื่องของการบริการนั้นมีความสำคัญอย่างมากและมากที่สุดเมื่อเราคิดจะลงทุน
ต่อไปนี้จะเป็นสถานการณ์สมมติ ที่จะทำให้ท่านเห็นภาพของผลลัพธ์ต่างๆ ที่อาจเกิดจากการลงทุน
ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง
กำไร 7 ครั้ง ครั้งละ 10 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด 70 บาท
ขาดทุน 3 ครั้ง ครั้งละ 10 บาท = เราขาดทุน 30 บาท
สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 40 บาท
ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง
กำไร 5 ครั้ง ครั้งละ 10 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด 50 บาท
ขาดทุน 5 ครั้ง ครั้งละ 5 บาท = เราขาดทุน 25 บาท
สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 25 บาท
ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง
กำไร 3 ครั้ง ครั้งละ 15 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด 45 บาท
ขาดทุน 5 ครั้ง ครั้งละ 5 บาท = เราขาดทุน 25 บาท
สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 20 บาท
ถ้าหากเรามีเงินทุนอยู่ 100 บาท เราทำการเทรดทั้งหมด 10 ครั้ง
กำไร 8 ครั้ง ครั้งละ 5 บาท =เราได้กำไรทั้งหมด 40 บาท
ขาดทุน 2 ครั้ง ครั้งละ 20 บาท = เราขาดทุน 40 บาท
สุทธิเราจะมีกำไรจากการเทรด 10 ครั้ง อยู่ที่ 0 บาท
สังเกต ได้ว่า เรื่องบริหารการขาดทุน/กำไรนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ จากตัวอย่างทั้งหมด พอสรุปประเด็นสำคัญ สำหรับ การเทรดดังต่อไปนี้
1 Win/Loss Ratio
คือ การเทรด 100 ครั้ง เราชนะกี่ครั้ง เราแพ้กี่ครั้ง เรื่องนี้สำคัญมากๆ โดยทั้วไประบบที่ชนะบ่อยๆ ถ้าเทียบกับนักมวย คือมวยสายตาดีออกหมัดได้อย่างแม่นยำเข้าเป้า แต่เรายังไม่ได้พูดถึงความแรงของหมัดนั้น
2 Reward/Risk
คือ ในการเทรดแต่ละครั้ง เราต้องการจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ หากการเทรดครั้งนั้นประสบความสำเร็จ และในทางกลับกัน เราจะต้องคำนึงด้วยว่าจะต้องขาดทุนเท่าไหร่ หาดการเทรดครั้งนั้นมีความผิดพลาดเกิดขึ้น สถานการณ์เปลี่ยน ไม่ไปตามที่เราคาดการณ์
เมื่อหมัดเข้าเป้าหม่าย Reward
- การคาดหวังผลตอบแทนน้อย เหมือนการปล่อยหมัดแย๊บออกไป เก็บคะแนน
- การคาดหวังผลตอบแทนสูงๆ เหมือนกับการปล่อยหมัดที่หนักเพื่อหวังน๊อคคู่ต่อสู้ลงไปเลย
เมื่อหมัดไม่เข้าเป้า เราโดนสวนกลับ Risk
-การตั้งจุดตัดขาดทุน (Cut Loss) น้อยๆ = การตั้งการ์ดแบบรัดกุม คู้ต่อสู้ก็จะรู้สึกต่อยเข้ามาหาเราได้อย่างลำบาก
-การที่เราตั้งจุดตัดขาดทุน (Cut Loss) มากหน่อย = เหมือนการคลายการ์ด ตั้งแบบหลวมๆ แบบนี้ก็อาจโดนหมัดสวนเข้ามาได้
-การไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน(Cut Loss) เลย = เท่ากับเราไม่มีการตั้งการ์ดเลย อาจโดนต่อยร่วงลงไปนับไม่ก็น๊อคไปเลย
3.ผสมผสาน เพื่อความสำเร็จ
-การ ที่เราคาดหวังผลกำไรน้อย ๆ แต่มีความแม่นยำสูง "สมรักษ์ คำสิงห์" ที่หมัดไม่หนักแต่ก็ต่อยเข้าเป้าอย่างต่อเนื่อง ค่อย ๆ เก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ เทรดเดอร์แนวนี้จะเน้นความแม่นยำในการเทรดสูง โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องปล่อยหมัดหนักเข้าใส่คู่ต่อสู้ อาศัยเพียงแค่ชั้นเชิงในการหลบหลีก
แล้วต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ ก็สามารถจะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้
-การ ที่เราคาดหวังผลกำไรมาก ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องแม่นยำมาก "เขาทราย กาแลคซี่" ไม่จำเป็นต้องต่อยมาก แต่พอต่อยโดนคู่ต่อสู้ก็ออกอาการทันที เหมือนเทรดเดอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีความแม่นยำในการเทรดสูงมากนัก แต่เมื่อเทรดได้กำไร ... ก็เอากำไรครั้งละมาก ๆ เปรียบเสมือน Let Profit Run คือเมื่อได้กำไร ก็ปล่อยให้กำไรวิ่งไปเรื่อย ๆ
-กำไรมาก ๆ และเทรดแม่นยำ "แมนนี่ ปาเกียว" ทั้งต่อยคม แม่นยำ และหนักหน่วงระบบการเทรดแบบนี้แทบจะเป็นอุดมคติเลยก็ว่าได้
ไม่ ว่าเราจะเป็นเทรดเดอร์แบบใดก็ตาม เราก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ แต่เราต้องเข้าใจลักษณะระบบการเทรดของเรา และเรื่อง Reward/Risk ให้ดี เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าสถานการณ์ใดที่เราควรเข้าเทรดหรือควร หลีกเลี่ยง ขอบคุณเป็นอย่างสูง The Secret สู่พลังแห่งการเทรด
Credit : Duthy Thaiforexschool
Website : Thaiforexschool.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)